พระทรงเครื่องนั้น เป็นพระพุทธรูปแบบหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เป็นที่รู้จักกันกว้างขวางนัก ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นความแตกต่างระหว่างพระพุทธรูปธรรมดากับพระทรงเครื่อง
หลักฐานที่เห็นได้ชัดก็คือ พระแก้วมรกต
พระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ขัดสมาธิราบ สันนิษฐานกันว่า เป็นพระสมัยเชียงแสน เมื่อสร้างขึ้นครั้งแรก ไม่ได้ทำเป็นพระทรงเครื่อง
การนำเครื่องทรงทั้ง 3 ฤดูไปเปลี่ยนในพระแก้วมรกตนั้น เป็นคตินิยมที่ทำขึ้นภายหลัง
สิ่งที่เป็นปัญหาในทางวิชาการก็คือ ทำไมพระแก้วมรกตจะต้องทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ด้วย เพราะ พระพุทธเจ้าท่านทรงหนีจากตำแหน่งพระมหากษัตริย์เพื่อไปออกบวช และทรงสวมจีวรเพียง 3 ผืนเท่านั้น
คตินิยมการสร้างพระทรงเครื่องมีมาอย่างไร และมีมาตั้งแต่เมื่อใด ไทยไปรับเอาของใครมา หรือพัฒนาขึ้นเองในประเทศ เป็นข้อสงสัยที่น่าใคร่ครวญเป็นอย่างยิ่ง
จากการศึกษาในเบื้องต้นพบว่า พระทรงเครื่องมีมาตั้งแต่สมัยปาละของอินเดีย มีมาตั้งแต่สมัยขอม แต่เครื่องทรงของพระทรงเครื่องในสมัยปาละ และในสมัยขอม แตกต่างไปจากพระทรงเครื่องในสมัยอยุธยา และพระทรงเครื่องในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นอย่างเห็นได้ชัด
เราสามารถลงความเห็นเลยว่า พระทรงเครื่องสมัยอยุธยาและสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นไม่น่าจะได้รับ อิทธิพลมาจากอินเดียและขอม ควรเป็นพระทรงเครื่องที่พัฒนาขึ้นในอาณาเขตของไทยโดยเฉพาะ
หลักฐานที่น่าจะนำมาใคร่ครวญพิจารณาก็คือ การสร้างพระทรงเครื่องในสมัยพระเจ้าปราสาททอง พระเจ้าปราสาททองทรงดัดแปลงพระประธานในโบสถ์ให้เป็นพระทรงเครื่อง
ปัญหาที่น่าสนใจก็คือ ทำไมจะต้องดัดแปลงพระประธานซึ่งเป็นพระปางมารวิชัยให้เป็นพระทรงเครื่องด้วย และเครื่องทรงของพระนั้น ไม่เหมือนของใครในโลก และในภูมิภาคนี้
ช่างในสมัยพระเจ้าปราสาททองนำรูปแบบของเครื่องทรงเหล่านี้มาจากที่ใด.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น