บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

พลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์



มีคนไปตั้งกระทู้ในห้องหว้ากอ/เรื่องลึกลับของพันธุ์ทิพย์ชื่อ “วิทยาศาสตร์เคยทดสอบ พลังงานจากรูปปั้น รูปเคารพ รูปศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่คนกราบไหว้ กันบ้างไหม

เนื้อหาของกระทู้ก็เป็นดังนี้

วิทยาศาสตร์เคยทดสอบ พลังงานจากรูปปั้น รูปเคารพ รูปศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่คนกราบไหว้ กันบ้างไหม

ภูต ผี วิญญาณ เทวดา สิงสถิตในศาลบ้าง ในหุ่นปั้นบ้าง หินปั้นบ้าง ปูนปั้นบ้าง ไม้แกะสลับบ้าง บลาๆ มีทั้ง รูปปั้นแกะสลักคล้ายคนบ้าง คล้ายเทพเจ้า เทวดา ที่จินตนาการบ้าง คล้ายสัตว์บ้าง

คนไปลบหลู่ จะต้องพบเจอเรื่องไม่ดีบ้าง ถูกลงโทษบ้าง ถึงฆาตบ้าง เจ็บป่วยหนักรักษาไม่หายบ้าง บลาๆๆ

ชาวหว้าก้อ คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง บลาๆๆ

มาดูความคิดเห็นกันก่อน

รูปปั้นและรูปเคารพ  มีพลังงานเหมือนสสารโดยทั่วไป คือ internal energy  หรือ  thermal energy แล้วแต่จะนิยาม  แต่มีพลังศรัทธาบรรจุอยู่แบบไร้ขอบเขต ขึ้นกับผู้ศรัทธาจะกำหนด

เพราะถ้ากราบรูปเคารพแล้วจิตมั่นสติมั่น ก็เท่ากับเราดูดซับพลัง (อะไรก็บอกไม่ถูก) จากรูปเคารพนั้นๆ

พลังศรัทธา และพลังจิต วัดเป็นตัวเลขไม่ได้  ปริมาณอะไรที่วัดไม่ได้  ไม่ใช่ปริมาณทางวิทยาศาสตร์ครับ

ความคิดเห็นนี้ ดูดี ดูภูมิฐาน แต่มั่วครับ  ไม่ได้รู้ “ห่า” อะไรเลย

โลหะหรือวัตถุไม่มีพลังอะไรมากเลย แต่เมื่อเกิด พุทธานุสติ เทวตานุสติ  บวกศรัทธาพลัง พลังมหาศาลจะบังเกิดทันที

อันนี้ก็ “มั่ว”

พิสูจน์แล้วไม่เจอ หรือว่ายังหาวิธีพิสูจน์ไม่เจอครับ เพราะถ้ามันพิสูจน์ไม่เจอ ทำไมผมยังเจอศาลตามหน้าคณะวิทยาศาสตร์หลายๆ ม. เลย

อันนี้ก็เป็นจริงตามนั้น  แต่ผมว่า ที่เขาทำอย่างนั้น อาจจะไม่ใช่เป็นว่า “เขาเชื่อ”  แต่เขากลัวจะอยู่ในสังคมไม่ได้มากกว่า

ถ้าเป็นผู้บริหาร ดีไม่ดี ลูกน้องจะเดินขบวนขับไล่เอา

ทดสอบน้ำที่ผ่านพิธีปลุกเสกเป็นน้ำมนต์ มีค่าพลังงานมากขึ้นจริง ๆ ครับ อาจารย์บอกมา

ความคิดเห็นนี้ ก็งมงายไปตามครูบาอาจารย์  หามันสมองส่วนคิดไม่ได้

ผมขอขอไปเลยว่า “การวัดพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์” ทำได้จริงๆ เราสามารถรู้ได้จริงๆ ว่า “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” นั้นๆ เก่งขนาดไหน และ ทำอะไรได้บ้าง

ขอให้ดูวิธีการวัดจากวิดิโอด้านบนประกอบด้วย

สิ่งศักดิ์สิทธิ์คืออะไร

ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่า “สิ่งศักดิ์สิทธิ์คืออะไร” สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวงนั้น ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง พระพุทธรูป คด ฯลฯ  จะต้องมี “จักรพรรดิ” อยู่ภายในจึงจะศักดิ์สิทธิ์

ถ้าไม่มี “จักรพรรดิ” อยู่ภายในแล้วละก้อ  ไม่มีทางศักดิ์สิทธิ์ได้เลย

การที่จักรพรรดิจะไปอยู่ ณ ที่ใดนั้น เป็น “เอกสิทธิ์” ส่วนตัวของท่าน  ไม่มีอะไรบังคับท่านได้  การที่มีเกจิอาจารย์ทำพิธีปลุกเศกอะไรต่างๆ นานานั้น 

ไม่ได้เป็นหลักประกันว่า สิ่งเหล่านั้นจะมีจักรพรรดิไปอยู่ และศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา  เพราะเครื่องจำนวนมาก ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์อะไรเลย ถึงแม้ว่า จะมีเกจิอาจารย์เป็นสิบๆ รูป มาช่วยกันปลุกเศกก็ตาม

ส่วน “คด” ซึ่งไม่มีใครไปปลุกเศก กลับมามีความศักดิ์สิทธิ์ได้

เครื่องชี้วัดความศักดิ์สิทธิ์

ความศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดินั้น  เราจะดูที่ “ขนาด” กับ “ความใสสว่าง” ของกายเป็นหลัก  เรื่องรองลงมาก็คือ เครื่องประดับ

จักรพรรดิที่กายใหญ่กว่าจะมีความศักดิ์สิทธิ์มากกว่าจักรพรรดิที่มีกายเล็กกว่าท่าน  ถ้าขนาดเท่ากัน จักรพรรดิที่มีกายใสสว่างกว่า ก็จะมีความศักดิ์สิทธิ์มากกว่า

ถ้ากายใหญ่เท่ากัน ความสว่างเท่ากัน ก็ดูที่ว่า เครื่องประดับต่างๆ องค์ไหนมีความอลังการมากกว่ากัน

บางท่านอาจจะมีแย้งว่า จักรพรรดิคืออะไร ไม่เคยเห็น 

ผมก็ขอให้ไปดูภาพของ “พระทรงเครื่อง” ทั้งหลาย  “พระทรงเครื่อง” นั้นคือ จักรพรรดิ  คนไทยเห็นกันมานานแล้ว  แต่ไม่รู้จัก ก็เลยเดาว่าเป็นพระทรงเครื่อง

ตามประวัติของพระพุทธเจ้า พระองค์เป็นเจ้าชายอยู่แล้ว หนีออกจากวังเพื่อไปบวช มีจีวรเพียง 3 ผืน  แล้วจะไปทรงเครื่องทำไม 

ไม่สมเหตุสมผลอะไรเลย

วิชาธรรมกายนั้น รู้จักจักรพรรดิเป็นอย่างดี เห็นกันเป็นประจำ ที่ผมสอนเด็กในวิดิโอนั้น ก็เป็นการสอนให้เด็กดูจักรพรรดิ

ประการสำคัญที่สุดเลยก็คือ  “ผมเป็นจักรพรรดิมาเกิดเพื่อสร้างบารมีเพิ่มเติม” เรื่องนี้ ผมจึงมีความรู้ความสามารถจริงๆ

ประการสุดท้ายที่อยากจะบอกกับท่านผู้อ่านก็คือ จักรพรรดิท่านไม่สมารถทำทุกอย่างตามที่มนุษย์ต้องการได้   ท่านมีข้อจำกัดบางอย่างเหมือนกัน




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น