บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

พระแก้วมรกตหลบแดด




พระแก้วมรกตที่ว่านี่ ไม่ใช่องค์จริงที่อยู่ในวัดพระแก้วนะครับ  เพราะ องค์จริงนั้น ไม่โดนแดดอยู่แล้ว

องค์ที่เป็นข่าวนี้ เป็นพระแก้วมรกตจำลอง  อยู่ที่วัดโนนไทย ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยของผมนี่แหละ ห่างกันไม่ถึง 30 กิโลเมตร

อ่านข่าวกันก่อน แล้วมาวิพากษ์วิจารณ์กันภายหลัง

ผมเอาข่าวมาจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการออนไลน์ ชื่อหัวข่าวก็ว่า “พิสูจน์ปาฏิหาริย์! “พระแก้วมรกต” วัดโนนไทยโคราช หันหน้าหลบแดดได้เอง

เนื้อหาของข่าว ก็เป็นดังนี้

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - พิสูจน์ปาฏิหาริย์! “พระแก้วมรกต” วัดโนนไทยโคราช เคลื่อนย้ายองค์หันหน้าหลบแดดได้เอง “หลวงพ่อจอย”

เกจิดังเจ้าอาวาสวัดเผยเช่าพระแก้วมรกตจำลอง 6 องค์มาจาก กทม.เมื่อ 17 ปีก่อน เพื่อประดิษฐานไว้บนยอดศาลาการเปรียญ แต่แปลกพบหันหน้าจากทิศตะวันออกไปทิศเหนือเอง

ทั้งที่โบกปูนฐานไว้แน่น และปีนี้เกิดขึ้นแล้ว 3 ครั้ง เชื่อแสดงอิทธิฤทธิ์ให้ ปชช.เกรงกลัวต่อบาป

วันนี้ (26 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก ด.ต.ตึ่ง พึ่งกิ่ง นายกเทศมนตรีตำบลโนนไทย ว่า องค์พระแก้วมรกตจำลอง ที่วัดโนนไทย ต.โนนไทย อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา หันหน้าหลบแดดจากทิศตะวันออกไปทางทิศเหนือได้เอง

สร้างความแปลกประหลาดใจให้แก่ญาติโยม และประชาชนที่เข้ามาทำบุญที่วัดเป็นอย่างมาก
     
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบประชาชนจำนวนหนึ่ง พร้อมด้วยพระครูอนุวัตรชินวงศ์ หรือ หลวงพ่อจอย เจ้าอาวาสวัดโนนไทย ซึ่งถือเป็นศิษย์เอกหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ เกจิชื่อดัง จ.นครราชสีมา กำลังมาดูปรากฏการณ์แปลกประหลาดดังกล่าว
     
หลวงพ่อจอย เจ้าอาวาสวัดโนนไทย กล่าวว่า อาตมาได้เช่าพระแก้วมรกตจำลอง มาจากกรุงเทพมหานคร เมื่อ 17 ปีที่แล้ว จำนวน 6 องค์

พร้อมได้อัญเชิญพระแก้วมรกตทั้ง 6 องค์ ขึ้นไปประดิษฐานไว้บนยอดศาลาการเปรียญวัด ซึ่งใช้เป็นกุฏิสงฆ์ด้วย ตามทิศต่างๆ เพื่อความเป็นสิริมงคล
     
ช่วงหลังมีประชาชนสังเกตเห็นพระแก้วมรกต 1 องค์ ที่นำขึ้นไปประดิษฐานไว้โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีลักษณะแปลกกว่าองค์อื่นๆ เกิดขึ้น คือ พระแก้วมรกต ได้เคลื่อนย้ายองค์หันหน้าหลบแดดไปทางทิศเหนือ

ซึ่งในตอนแรกไม่ได้แปลกใจอะไร และให้ลูกศิษย์ขึ้นไปหันกลับมาทิศเดิม แต่ก็พบว่าได้หันกลับไปทิศเหนืออีกเช่นเคย

โดยในปีนี้พระแก้วมรกตได้หันหน้าหลบแดดเกิดขึ้นแล้วถึง 3 ครั้ง สร้างความแปลกประหลาดให้แก่พระสงฆ์ ประชาชน และญาติโยมเป็นอย่างมาก
     
ต่อมา เจ้าหน้าที่จากกองช่างเทศบาลตำบลโนนไทย ได้นำรถกระเช้าปีนขึ้นไปตรวจสอบบริเวณใต้ฐานพระแก้วมรกตองค์ดังกล่าว แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร

อีกทั้งยังให้นำปูนขึ้นไปโบกไว้บริเวณฐานพระเพื่อให้แน่นหนาป้องกันการเคลื่อนตัวแต่ไม่เป็นผล องค์พระแก้วมรกต ก็ยังหันหน้าหลบแดดเองอีกเช่นเดิม
     
 “อาตมาเชื่อว่าน่าจะเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระแก้วมรกต ที่ต้องการแสดงอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ให้ประชาชนได้เห็น และเกรงกลัวต่อการทำบาป” หลวงพ่อจอย กล่าว
     
หลวงพ่อจอย กล่าวอีกว่า ส่วนพระแก้วมรกต อีก 5 องค์ ที่ประดิษฐานอยู่ข้างบนนั้น ไม่พบมีการเคลื่อนย้ายองค์พระแต่อย่างใด ตั้งประดิษฐานไว้อย่างไรก็ยังอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

และพระแก้วมรกตทุกองค์นั้น ล้วนตั้งอยู่สูงจากพื้นกว่า 30 เมตร หากใครจะขึ้นไปเคลื่อนย้ายองค์พระเพื่อสร้างความประหลาดให้แก่ประชาชนก็เป็นไปได้ยาก และคงไม่มีใครอุตริไปทำการเช่นนั้นได้
     
ด้าน ด.ต.ตึ่ง พึ่งกิ่ง นายกเทศมนตรีตำบลโนนไทย กล่าวว่า การที่องค์พระแก้วมรกตมีการเคลื่อนย้ายหลบแดดได้เองนั้นเป็นเรื่องประหลาดอย่างมาก

ซึ่งที่ผ่านมาได้ให้เจ้าหน้าที่กองช่างเทศบาลขึ้นไปดูร่องรอยว่ามีใครขึ้นไปทำการเคลื่อนย้ายองค์พระหรือไม่ แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด

ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระแก้วมรกตแน่นอน และวันนี้เทศบาลตำบลโนนไทย ได้นำรถกระเช้ามาให้บริการผู้สื่อข่าวขึ้นไปพิสูจน์ พร้อมบันทึกภาพด้วยตัวเองด้วย


ในส่วนความคิดเห็นส่วนตัวของผม  ผมว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่พระแก้วมรกตองค์ดังกล่าวจะแสดงฤทธิ์ของท่าน

และก็เป็นไปได้เหมือนกันที่ลูกศิษย์อาจจะปีนขึ้นไป แล้วขยับองค์พระให้เป็นไปตามข่าว

สำหรับบทความนี้ จะตัดเรื่องที่ว่า มีลูกศิษย์ไปทำอย่างนั้น ออกไปเสีย เพราะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็ไม่ต้องมาเขียนบทความนี้

ขอบอกก่อนว่า ในพระแก้วมรกตจำลองนั้น ถ้ามีความศักดิ์สิทธิ์จะมี “จักรพรรดิ” อยู่ข้างใน  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธ ก็คือ จักรพรรดินี่แหละ

พระเครื่อง พระพุทธรูป พระบูชา โป่งข่าม คด ฯลฯ ทั้งหลายทั้งปวงนั้น  ถ้ามีจักรพรรดิอยู่ ก็จะมีความศักดิ์สิทธิ์  ถ้าไม่มีก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์

ถ้าถามว่า “จักรพรรดิ” มาจากไหน   คำตอบก็คือ จักรพรรดิก็มาจากคนนั่นแหละ

ในสมัยนานมาแล้ว  คนในยุคนั้น จะอธิษฐานบารมีให้เป็นพระพุทธเจ้ากับจักรพรรดิอย่างใดอย่างหนึ่ง

ผู้ที่อธิษฐานใจต้องการเป็นจักรพรรดิ ก็มาเกิดเป็นจักรพรรดิกายละเอียดนี่แหละ

รูปร่างหน้าตาของจักรพรรดิก็เหมือนพระทรงเครื่อง  พูดง่ายๆ ว่า คนโบราณท่านเคยเห็นจักรพรรดิ  ท่านก็สร้างรูปเคารพไว้บูชา

คนรุ่นต่อมา ไม่รู้เรื่องก็บอกว่าเป็น “พระทรงเครื่อง

จากการที่บอกแล้วว่า จักรพรรดิก็มาจากมนุษย์ ดังนั้น นิสัยของจักรพรรดิก็จะเป็นแบบมนุษย์  บางท่านขี้เล่น  หรือชอบสนุก ก็มักจะทำอะไรให้เป็นเรื่องแปลกๆ ให้เห็น

เหตุผลก็คือ “เพื่อแสดงฤทธิ์ของท่านให้คนรับรู้บ้าง”   ภาษาวิชาการก็คือ แสดงอัตลักษณ์ในเป็นที่ประจักษ์กันบ้าง

ผมเองมีจักรพรรดิมากมายจำนวนมหาศาล  ท่านแสดงฤทธิ์ให้เห็นเป็นประจำ  เท่าที่จำได้ก็คือ

1- เรือนของท่านที่เป็นดวงแก้วสีขาวใส  ท่านเปลี่ยนเป็นสีชมพู  เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นสีชมพูอยู่

2- ผมเคยมีจอคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าที่เป็นจอ crt  จักรพรรดิท่านยังไปทำเป็นดวงกลมใสในจอเลย

โดยสรุป

การที่จักรพรรดิแสดงฤทธิ์ดังข่าวนั้น เป็นไปได้  และไม่ใช่เป็นการแสดงฤทธิ์ที่สูงแต่อย่างใด ท่านสามารถแสดงฤทธิ์ได้มากกว่านี้

คนที่ไม่เชื่อ มันก็หาทาง “เดา” แบบไม่เชื่อ แบบสมองหมา ปัญญาควายไปเรื่อย  


อย่างไรก็ดี  เรื่องนี้ อาจจะเป็นเรื่องทะลึ่งของลูกศิษย์วัดบางคน บางกลุ่มก็ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น