บทความนี้ เอามาจากบทความเรื่อง “พระพุทธรูปลอยน้ำ เรื่องจริงที่เล่าไม่หมด” ของผู้จัดการออนไลน์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อที่ผิดๆ ถูกๆ ของคนสมัยนี้
เนื้อหาของข่าวดังกล่าว ตัดสั้นๆ แล้วก็มีดังนี้
ในตำนานเกี่ยวกับพระพุทธรูปที่เล่ากันมา
มีพระพุทธรูปอยู่ ๓ องค์ที่ลอยน้ำมา ก่อนจะถูกอัญเชิญขึ้นประดิษฐานที่วัดในขณะนี้
บางตำนานก็ว่ามีถึง ๕ องค์
หลายคนเชื่อกันว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
แต่อีกหลายคนวินิจฉัยใคร่ครวญแล้ว ก็เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่เล่าไม่หมด
องค์แรกที่ขึ้นบกก่อนองค์อื่น ก็คือ
“หลวงพ่อวัดบ้านแหลม” เล่ากันว่าท่านลอยมาตามลำน้ำแม่กลองแล้วออกไปจมอยู่ปากอ่าว
ชาวบ้านไปตีอวนติดพระพุทธรูปยืนอุ้มบาตรขนาดเท่าคนจริงขึ้นมา
จึงนำไปประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านแหลม ริมฝั่งแม่กลองในอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม
เลยเรียกกันว่า “หลวงพ่อวัดบ้านแหลม”
ท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฎก
(สนิท เขมจารี) อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านแหลม
ได้เขียนไว้ในประวัติหลวงพ่อบ้านแหลมตอนหนึ่งว่า
“ตามสันนิษฐานของข้าพเจ้าเห็นว่า
ประวัติหลวงพ่อนั้นในขั้นต้นลอยน้ำมาตามข่าวลือ แต่มิใช่ท่านลอยน้ำมาตามลำพัง
คงมีผู้อัญเชิญมาบนเรือจากที่แห่งหนึ่งเพื่อนำไปประดิษฐานไว้ในที่แห่งหนึ่ง
และ ต้องผ่านมาทางทะเล เพราะสมัยนั้นการคมนาคมทางบกไม่สะดวก
และเป็นของหนักจึงต้องนำท่านบรรทุกเรือมาทางน้ำ
ในขณะเรือผ่านมานั้นน่าจะมีบางวัดนิมนต์ท่านไว้สักการบูชาที่วัด
แต่ไม่สำเร็จเพราะผู้นำมาไม่ยอมถวาย
จึงเล่าลือว่าท่านไม่ยอมขึ้นอยู่ในวัดใดทั้งสิ้น เว้นแต่วัดบ้านแหลม
ขณะที่นำผ่านทางทะเลไปนั้น
เรือคงอับปางลงและเหลือวิสัยที่จะงมท่านขึ้นมาได้...”
องค์ที่ขึ้นบกต่อจากหลวงพ่อวัดบ้านแหลม
ก็คือ หลวงพ่อพุทธโสธร ซึ่งเล่ากันว่าท่านลอยๆจมๆมาตามกระแสน้ำในแม่น้ำบางปะกง
แล้วมาโผล่ที่หน้าวัดโสธร ซึ่งตอนนั้นยังมีชื่อว่า “วัดหงส์”
อาจารย์ไสยศาสตร์ท่านหนึ่งได้ตั้งศาลเพียงตาบวงสรวง
แล้วใช้สายสิญจน์คล้องพระหัตถ์อัญเชิญขึ้นบนฝั่ง นำไปประดิษฐานไว้ในวิหาร
องค์ที่ขึ้นบกหลังสุด
กลับเป็นองค์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด คือ “หลวงพ่อโต” วัดบางพลีใหญ่ใน อำเภอบางพลี
จังหวัดสมุทรปราการ
ตามตำนานกล่าวว่า หลวงพ่อโตลอยน้ำมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา
ปรากฏให้คนเห็นที่ตำบลหนึ่งในกรุงเทพฯ มีคนถึงสามแสนมาช่วยกันฉุดให้ท่านขึ้นบก
แต่ท่านก็ไม่ยอมขึ้น ผลุบจมน้ำหายไป ตำบลนั้นเลยเรียกกันว่า “บางสามแสน”
ต่อมาก็เพี้ยนเป็น “สามเสน” ในปัจจุบัน
หลวงพ่อมาโผล่อีกทีที่ปากคลองสำโรง
ชาวบ้านกลัวว่าท่านจะจมหายไปอีกเลยผูกแพเสริม แล้วจูงท่านเข้ามาในคลอง
อธิษฐานกันว่าถ้าท่านต้องการจะขึ้นบกตรงไหนก็ขอให้ท่านหยุดตรงนั้น
ท่านลอยมาถึงหน้าวัดพลับพลาชัยชนะสงครามก็หยุด
ชาวบ้านที่พายเรือตามมาเป็นร้อยจึงอัญเชิญท่านขึ้นฝั่ง
พระพุทธรูปเหล่านี้ล้วนเป็นโลหะหนัก
คนรุ่นใหม่คงยอมรับไม่ได้ว่าท่านลอยน้ำได้ แต่ถ้าพิจารณาใคร่ครวญแล้ว
ก็น่าเชื่อว่าท่านลอยน้ำมาจริงๆ
เพราะสมัยกรุงศรีอยุธยาแตกใน พ.ศ. ๒๓๑๐
คนไทยที่ต้องหนีเอาชีวิตรอด ยังห่วงพระพุทธรูปที่เคารพนับถือกลัวว่า จะถูกพม่าเผาทำลาย
ครั้นจะแบกท่านหนีหรือฝังดินไว้แบบฝังสมบัติก็คงไม่ไหว
จึงต่อแพเอาท่านซ่อนไว้ข้างใต้ แล้วปล่อยลอยน้ำไหลลงไปทางใต้
ให้พ้นเงื้อมมือของคนใจบาปหยาบช้า ท่านคงลอยน้ำมาด้วยวิธีนี้
คนไทยเรานับถือสิ่งใดก็อยากให้สิ่งนั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
จะว่าหลอกกันก็ไม่ใช่ เพียงแต่เล่าไม่หมดเท่านั้นเอง
ข้อความในพื้นสีเขียวคือข้อความที่รับทราบกันโดยทั่ว
ส่วนข้อความในพื้นสีเหลืองคือ ข้อความที่ “ตีความ” ขึ้นใหม่ของคนยุคปัจจุบัน
ที่คิดว่าตนเองรู้ดีแล้ว
แต่ถ้ามองในแง่ของศาสนา
“โง่บัดซบ” อย่างสุดๆ เพราะ
ความคิดดังกล่าวจะพากันตกนรก ไม่ได้ผุดได้เกิดไปนานเหมือนกัน
ผมเคยถามคุณลุงการุณย์
บุญมานุชว่า หลวงพ่อโสธรลอยน้ำมาจริงไหม
คุณลุงก็ตอบว่าจริง
ถ้าท่านผู้อ่านสงสัยว่า
ทำไมถามแค่หลวงพ่อโสธร คำตอบก็คือ
ชื่อของหลวงพ่อโสธรมีอยู่ใน “บันทึกปราบมาร”
ของคุณลุง
ในบันทึกดังกล่าว จักรพรรดิในหลวงพ่อโสธรมาหาลุง
แล้วบอกว่าจะช่วยคุณลุงทำงานปราบมาร โดยจะหาเงินให้ลุงประมาณ 10 ล้านบาท
ผมก็ถามลุงว่า
“แล้วได้เงินหรือยัง” ลุงก็หัวเราะ แล้วตอบว่า “ยังไม่เห็นสักบาท” ปัญหาก็คือ คนที่จะเชื่อมต่อจากจักรพรรดิหลวงพ่อโสธรมายังลุง
ยังหาไม่ได้
กลับมาถึงเรื่องที่ว่า
“พระพุทธรูปลอยน้ำจริงหรือไม่จริง” เอาในแง่ของความเป็นวิชาการก่อน
ถ้าคำนึงถึงในยุคปัจจุบัน
เรามีเหล็กลอยขึ้นไปในอากาศมากมาย จนเห็นเป็นเรื่องปกติ เหล็กลอยน้ำได้ เช่น เรือ
เป็นต้นก็เป็นเรื่องปกติ
เรื่องนี้
ถ้าคิดกันจริงๆ แล้ว มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์เหมือนกัน
แต่ที่เป็นเรื่องปกติก็เป็นเพราะว่า
นักวิทยาศาสตร์เขามีคำอธิบายถึงสาเหตุของการมหัศจรรย์พันลึกอย่างนั้นได้
ที่นี้จักรพรรดินั้น
ถ้าคนไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ และยิ่งบ้างมงายในวิทยาศาสตร์แล้ว มันก็ไม่เชื่อไปกันใหญ่
จักรพรรดินั้น ท่านจะทำอะไรก็ได้
ถ้าท่านอยากจะทำ
จักรพรรดิหลวงพ่อโสธรนั้น
มีความศักดิ์สิทธิ์มาก และศักดิ์สิทธิ์มาจนถึงปัจจุบัน หลักฐานพิสูจน์ก็คือ
การที่มีคนไปทำบุญกับท่านมหาศาล
โดยปกติแล้ว
วัดไหนจะมีคนขึ้น มีคนไปมาก จะต้องมี “คน” หรือ “พระ” ที่เก่งกาจอยู่ ณ ที่นั้น
แต่วัดหลวงพ่อโสธร ไม่มีคนอย่างนั้น พระก็แทบจะฆ่ากันตายเพราะแย่งเงินกัน
วัดหลวงพ่อโสธรนั้น
พุทธศาสนิกชนไปทำบุญเพราะบารมีของหลวงพ่อโสธรจริงๆ
ผมขอยืนยันว่า
หลวงพ่อโสธรท่านลอยน้ำมาจริงๆ
คนในยุคนั้นก็เชื่อจริงๆ เพราะเห็นกับตา
เมื่อเวลาผ่านมานานๆ เข้า
และด้วยอิทธิพลของวิทยาศาสตร์
คนในยุคหลังๆ ชักไม่เชื่อขึ้นมา ก็หาเรื่อง “ตีความ” กันไป